Book

20 ข้อคิดจากหนังสือ Makoto Marketing

โดยส่วนตัวเป็นคนที่ชอบวัตนธรรมและปรัชญาของญี่ปุ่นอยู่แล้ว เพราะเป็นที่รู้กันว่าคนญี่ปุ่นนั้นเป็นคนที่มีวินัยสูง ละเอียด พิถีพิถันและใส่ใจในงานที่ตนเองทำเป็นอย่างยิ่ง

และสิ่งที่ทำให้ผมทึ่งก็คือการทำธุรกิจของคนญี่ปุ่นที่สามารถผ่านกาลเวลายาวนานได้เป็นสิบเป็นร้อยปี และบางธุรกิจสามารถอยู่ได้ถึงหนึ่งพันปีด้วยซ้ำ!

อะไรคือเคล็ดลับหรือหัวใจสำคัญที่ทำให้ธุรกิจเหล่านั้นผ่านยุคผ่านสมัยต่าง ๆ มาจนถึงทุกวันนี้? และนี่บทเรียน 20 ข้อที่ผมได้รับจากการอ่านหนังสือ Makoto Marketing

1. จงเริ่มต้นธุรกิจด้วยการแก้ปัญหาให้ลูกค้า ไม่ใช่สนใจแต่การเพิ่มยอดขาย หรือคิดแต่การแข่งขันกับผู้อื่น

2. ธุรกิจไม่ใช่แค่การขายสินค้าหรือบริการ แต่คือการขายความเชื่อของเรา ความเชื่อคือสิ่งที่จะบอกว่าทำไมแบรนด์ของเราจึงควรมีอยู่

3. ก่อนที่จะถามว่าควรขายอะไรดี ควรถามก่อนว่าเราอยากสร้างประโยชน์อะไร แก่ใคร อย่างไร

4. กลยุทธ์ธุรกิจที่คู่แข่งเลียนแบบยาก ไม่ใช่การทำโปรโมชั่น การเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์ หรือการออกสินค้าใหม่ แต่คือการเลือกปัญหาสักหนึ่งอย่าง แล้วแก้ไขให้ถึงที่สุด

5. การทำธุรกิจไม่จำเป็นต้องเริ่มจาก passion ก็ได้ บางครั้งเราอาจไม่รู้ว่า “ตนเอง” ชอบอะไร ถนัดอะไร แต่เราสามารถเริ่มต้นจาก purpose ได้ นั่นคือการทำอะไรสักอย่างเพื่อ “คนอื่น” ให้ดีที่สุด

6. ในยามที่อุตสาหกรรมกำลังหดตัว สิ่งที่ต้องทำคือการวิเคราะห์ว่าอะไรคือคุณค่าเดิมของธุรกิจ และเราจะนำเสนอคุณค่าใหม่อย่างไรให้ตอบโจทย์ลูกค้าใหม่และลูกค้าปัจจุบัน

7. หัวใจของการตลาดคือการยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง อยากส่งมอบความรักและความปรารถนาดีแก่ลูกค้า พัฒนาสินค้าของเราเพื่อลูกค้าจริง ๆ

8. ต้นทุนของการหาลูกค้าใหม่สูงกว่าการรักษาลูกค้าเก่าถึง 5 เท่า ดังนั้นการพัฒนาสินค้าให้คน 1 คนกลับมาซื้อซ้ำ 100 ครั้ง ย่อมดีกว่าการทำให้คน 100 คนซื้อครั้งเดียวแล้วเลิก

9. การทำตลาดแบบปกติอาจมีต้นทุนสูงเกินไปสำหรับแบรนด์เล็ก ดังนั้นการมีแนวคิดที่ทรงพลังจะทำให้เรามีสินค้าที่แตกต่างและโดดเด่นจนใคร ๆ ก็อยากรู้จัก และบอกต่อฟรี ๆ

10.  การสร้างแบรนด์ที่ดี ไม่ใช่แค่การออกแบบสิ่งที่มองเห็น เช่น โลโก้หรือบรรจุภัณฑ์ แต่มันคือการทำทุกอย่างเพื่อสร้างความไว้วางใจให้เกิดขึ้นในใจของลูกค้า

11. หน้าที่ของร้านค้าปลีกไม่ใช่แค่การเอาสินค้ามาขาย  แต่คือการช่วยแบรนด์ถ่ายทอดและนำเสนอคุณค่าของสินค้าให้ลูกค้าได้รับรู้

12. อย่ารีบชูจุดเด่นหรือรีบอธิบายคุณสมบัติของสินค้า แต่ให้เล่าเรื่อง บอกที่มาที่ไปตั้งแต่จุดเริ่มต้น การพัฒนาจนกระทั่งมาเป็นสินค้าชิ้นนี้

13. คนกลุ่มแรกที่องค์กรต้องทำการตลาดด้วยคือพนักงาน จงทำให้พนักงานเห็นคุณค่าในงานของตนและภูมิใจในสิ่งที่ตนเองทำ แล้วพนักงานจะทำการตลาดให้แบรนด์เอง

14. การใช้คำสั่ง กฎระเบียบ เงินทอง หรือแรงจูงใจภายนอกสามารถทำให้พนักงานร่วมมือในระยะสั้นเท่านั้น แต่การจูงใจภายในโดยให้พนักงานได้คิดเอง วางแผนเอง จะทำให้เกิดความร่วมมือที่ยั่งยืนกว่า  

15. หากต้องการขยายธุรกิจ อย่าเพิ่งกระโดดไปทำสิ่งใหม่ จงแตกสินค้าและบริการจากแก่นและองค์ความรู้เดิมที่มีอยู่

16. เมื่อธุรกิจอิ่มตัว จงมองหาลูกค้าใหม่ ด้วยการสร้างคุณค่าใหม่ แทนที่คุณค่าเก่า

17. มองคู่แข่งเป็นผู้ที่จะช่วยกันผลักดันให้อุตสาหกรรมเติบโต จงช่วยกันแบ่งปันความรู้และแนวคิดดี ๆ เพื่อยกระดับวงการให้ดีขึ้น

18. ธุรกิจที่ดีไม่ใช่ธุรกิจที่สร้างกำไรแก่คนบางกลุ่ม แต่เป็นธุรกิจที่สร้างความสุขแก่ผู้คนรอบข้าง ทั้งพนักงาน ลูกค้า คู่ค้า และชุมชน

19. การจะเป็นบริษัทที่ถูกรักนั้น ต้องไม่ละเลยการมีส่วนร่วมกับชุมชน และให้ชุมชนมีส่วนร่วมกับธุรกิจ

20. เคล็ดลับของธุรกิจที่ยั่งยืนคือการมุ่งสร้างประโยชน์ก่อนสร้างกำไร ให้ความสำคัญกับประโยชน์ของลูกค้าและพนักงานก่อนผู้ถือหุ้น

บทเรียนสั้น ๆ 20 ข้อนี้เป็นเพียงอาหารเรียกน้ำย่อยเท่านั้น ในหนังสือจะมีเนื้อหา 20 บทให้เราเห็นภาพการดำเนินธุรกิจตั้งแต่ก่อตั้ง เติบโต และกำลังจะตาย และที่พิเศษมาก ๆ คือมีแบบฝึกหัดท้ายบทให้เราตั้งคำถามกับธุรกิจของเราเองด้วย ถือว่าเป็นหนังสืออีกเล่มที่ควรค่าแก่การอ่านอย่างยิ่งสำหรับคนที่ต้องการทำธุรกิจด้วยหัวใจ

คิดเห็นอย่างไร บอกเราที่นี่นะ